Blog

ภาวะผู้นำทางใจ: บทบาทของความรู้สึกตัวในช่วงเวลาวิกฤติ

มีอุปสรรคมากมายที่เข้ามาท้าทายความสามารถกับผู้นำของคุณในตอนนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้ามไป นั้นคือความเป็นผู้นำส่วนบุคคล

Publish Date: เมษายน 15, 2563

Read Time: 6 min

Author: Ryan Heinl

/ Resources / Blogs / ภาวะผู้นำทางใจ: บทบาทของความรู้สึกตัวในช่วงเวลาวิกฤติ

ในช่วงวิกฤตินี้ผู้บริหารต้องเผชิญหน้ารับมือกับความท้าทายที่หลากหลาย แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาอาจจะมองข้ามไปคือภาวะผู้นำทางใจ การดูแลตนเองมีความสำคัญพอ ๆ กับการดูแลพนักงานในองค์กร

ไรอัน ฮอลิเดย์ นักปรัชญา นักเขียน และนักคิด ผู้ไม่สะทกสะท้านต่อความทุกข์ ได้เขียนไว้ว่า “จงมองทุกอย่าง อย่างที่มันเป็น ทำอะไรเท่าที่เราสามารถทำได้ อดทนและอยู่กับสิ่งที่เราต้องอยู่ อะไรก็ตามที่ขัดขวางเส้นทางก็คือเส้นทาง อะไรที่เคยเป็นอุปสรรคกับการกระทำก็ถือเป็นตัวขับเคลื่อนการกระทำนั้นให้ก้าวไปข้างหน้า อุปสรรค คือเส้นทางนั่นเอง”

ผมไม่คิดว่าเราจะยกคำคมใดใดที่เหมาะสมไปมากกว่าชั่วขณะนี้ ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงอันสำคัญที่ช่างยากเย็น และคุณก็ต่างโต้เถียงกันอย่างหนักหน่วงในการมองหาผู้ที่มีภาวะผู้นำ ผู้มองหาหนทางและกล้าที่จะเอ่ยออกมาว่า การมีความหวัง

ในฐานะผู้บริหาร เราต่างคาดหวังที่จะลงมือทำ ทำอะไรที่ยากต่อการตัดสินใจ ในช่วงที่ต้องเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนที่ถาโถมเข้ามา และสิ่งที่กลายมาเป็นความฉับพลันในความกระจ่างชัดคือวิธีที่คุณมองสถานการณ์ การที่เรารับสถานการณ์นั้นเข้ามา ให้มาเป็นส่วนหนึ่งของคุณ ให้เป็นตัวคุณ ให้ผ่านตัวคุณไป มีส่วนช่วยในการตัดสินผลลัพธ์ของความมานะ ความพยายามของคุณ

ความสำคัญของภาวะผู้นำทางใจ

บุคคลแรกที่คุณต้องนำพาก็คือตัวคุณเองก่อน ลองนำเอาคำคมของไรอันมาตรึกตรองดูสักครู่ การกล่าวถึงความสำคัญของภาวะผู้นำทางใจ เพราะเหตุใดการมีความตระหนักรู้สึกตัวในช่วงเวลาเช่นนี้ถึงสำคัญยิ่งนัก

คำโปรยที่ผมเตรียมไว้สำหรับบทนี้ก็คือ ผมเองเป็นคนชอบประชดประชันและขี้สงสัยอยู่แล้ว ผมไม่เคยเป็นคนที่กล่าวว่า “คิดแต่เรื่องดี ๆ สิ แล้วสิ่งนั้นจะเป็นจริงได้นะ” แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ผมเชื่อในการมองเห็นความจริง และการทำเช่นนั้นเป็นการให้โอกาสตัวเองได้ทำให้ดีที่สุด ความรู้สึกตัวที่กระจ่างชัดจากสภาวะจิตใจกำลังบอกคุณ และเป็นสิ่งที่ไรอันหมายถึงเมื่อเขากล่าวว่า “จงมองทุกสิ่งอย่างที่มันเป็น” เมื่อคุณเห็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับไวรัสโคโรนา คุณก็จะเห็นว่ามันเป็นแค่ไวรัส ไม่ได้มีส่วนดีหรือส่วนไม่ดี ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว จิตใจคุณอาจจะบอกคุณเป็นอย่างอื่นว่าไวรัสทำอะไรกับเราได้บ้าง มีความหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกหรือหวังว่าอะไร ๆ จะดีขึ้น สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยอะไร ไม่มีค่าอะไรในการตัดสินอะไรที่มาจากความคิดที่ยึดติด สถานการณ์ก็เป็นอย่างที่เป็นอยู่ และเราก็ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ (นอกเสียจากว่า คุณเป็นนักไวรัสวิทยา หรือนักชีวเคมีวิทยา)

ความรู้สึกตัวช่วยปลดปล่อยเราจากพลังงานความเศร้าโศกของความเป็นจริงที่สูญสลายไป การรู้ตัวทำให้เราทำในสิ่งที่จำเป็น ทำให้เราเป็นผู้นำได้อย่างเต็มตัว ให้โอกาสเราได้ตระหนักว่านี่เป็นปัญหาที่ใหม่ที่สุดที่จำเป็นต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด โอกาสที่สดใหม่และเกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว สร้างชัยชนะให้เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขัน วิธีที่จะให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีสารสำคัญต่อองค์กรและพนักงานของคุณ สำหรับอนาคตของธุรกิจ อย่างที่ไรอันกล่าวไว้เป็นอย่างดีว่า “อุปสรรคคือเส้นทาง”

แนวทางที่จะสละละวางความคิดที่สับสนของคุณและฝึกหัดภาวะผู้นำทางใจ

ณ จุดนี้ คุณอาจจะคิดว่า “พูดง่ายกว่าทำจริง” ผมไม่เห็นด้วยกับคำนี้สักเท่าไร แต่มีสิ่งที่อาจจะนำพาคุณออกมาจากกรอบดังกล่าว โดยให้ความสำคัญกับภาวะผู้นำทางใจไว้ตรงกลางของทุก ๆ อย่างเสมอ

1. จุดเริ่มต้นของความสำเร็จคือพักผ่อนให้เพียงพอ

อาจจะฟังดูเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่อาจเป็นไปได้ยากในตอนนี้ และคุณอาจจะเห็นว่าการไม่พักผ่อนเป็นความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ผมไม่ใช่คนแรกแน่ ๆ ที่บอกให้คุณพักผ่อนให้มากขึ้น มีข้อมูลเกี่ยวกับการนอนหลับที่ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อศักยภาพในการทำงานอย่างหลบเลี่ยงไม่ได้ ผมจะไม่ยกเอาข้อมูลเหล่านั้นมากล่าว ณ ที่นี้หรอก เพราะแม้ข้อมูลเหล่านั้นจะมากพอที่จะกล่าวได้ว่า การอดหลับอดนอนนั้นมีส่วนสำคัญและมีผลกระทบระยะยาวเกี่ยวกับการเรียนรู้ ความทรงจำ และอารมณ์ (ลองบอกผมถึงความสามารถที่คุณจะไปต่อโดยไม่หลับไม่นอนในช่วงวิกฤติดูสิ)

การอดนอนเป็นเหมือนสภาวะมึนเมาที่แยกแยะไม่ได้ว่าอะไรเป็นอะไร อีกทั้งยังก่อให้เกิดพฤติกรรมการเสี่ยงและการตัดสินใจที่ผิดพลาดอีกด้วย 

คุณควรให้ความสำคัญกับการนอนเป็นลำดับแรก และพฤติกรรมที่ทำให้พักผ่อนนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ซึ่งจะส่งผลให้คุณมีศักยภาพที่จะรู้สึกตัวได้มากขึ้น อยู่กับปัจจุบันได้มากขึ้น และมีความรอบคอบมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นกุญแจดอกสำคัญของการรู้สึกตัวนั่นเอง

2. ฝึกหัดที่จะเห็นอกเห็นใจทีมของคุณอย่างเปิดเผย

การเห็นอกเห็นใจผู้อื่นนั้นไม่ใช่การปล่อยให้เขาผ่านไปได้โดยง่ายหรือลดความคาดหวังลง แต่เป็นการมีความมานะพยายามที่จะเข้าใจผู้อื่นผ่านแว่นตาของจิตใจที่ดี ไม่ใช่เรื่องยากที่จะลองทำตอนนี้ เพราะว่าพวกเรากำลังก้าวผ่านเรื่องเดียวกันในการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ มันช่างน่ากลัวเสียจริง มันช่างไม่มีความแน่นอนอะไรเลย และท้าทายเหลือเกิน

จงบอกให้ลูกน้องของคุณรับทราบว่าคุณเข้าใจว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรและคุณก็รู้สึกไม่ต่างกับพวกเขา แต่จงบอกให้พวกเขารู้ว่าหนทางเดียวที่จะไปต่อได้คือไปด้วยกัน ผลักดันพวกเขา ท้าทายเขา แต่ให้เขารู้เสมอว่าคุณเข้าใจและเอาใจใส่พวกเขา เขาต้องการทั้งสองอย่างแหละในตอนนี้

3. จงเฝ้าระวังพฤติกรรมด้านมืดของคุณให้ดี

ภายใต้สภาวะกดดัน เราต่างแสดงออกในวิถีที่ไม่ได้เป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของเราเอง ความอดทนที่น้อยและความหงุดหงิดง่ายขึ้น เราเริ่มละทิ้งและถอดถอนตัวออกมา เอาแต่สั่งการ เราเถียงมากขึ้น และวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น ความรู้สึกเหล่านี้ปะทุอยู่ข้างในและก่อนที่เราจะรู้ตัว เราก็กระทำการอะไรสักอย่างออกไปที่มักจะทำให้เราเสียใจในภายหลัง โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ช่างมีเวลาน้อยนิดเหลือเกิน คนในองค์กรเห็นพฤติกรรมของคุณที่ไม่สม่ำเสมอและพวกเขาก็เครียดกันมากอยู่แล้ว

ผมไม่อยากจะกดดันคุณมากไปกว่านี้ในเรื่องการเป็นผู้นำหรอกนะ แต่ทุก ๆ การปฏิสัมพันธ์ของคุณก็จะยิ่งมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น หมายความว่า ทุก ๆ การปฏิสัมพันธ์นั้นสำคัญ คุณต้องดำรงอยู่ในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของคุณ คุณควรเริ่มที่จะตรวจสอบสภาวะทางอารมณ์ของคุณก่อนเข้าประชุม คุณรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น คุณรู้สึกถึงฟางเส้นสุดท้ายของความไม่อดทน ถ้าคุณรับรู้ได้ ลองอยู่กับช่วงเวลานั้น และหายใจออกช้า ๆ ผมยืนยันได้เลยว่าความรู้สึกนี้จะผ่านพ้นไป แล้วกลับมาโฟกัสที่คนของคุณ ว่าคุณจะสนับสนุนพวกเขาได้อย่างไรในความท้าทายที่เขาเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้

ให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณสร้างผลกระทบได้เท่านั้น

ผมไม่อยากจะแสร้งว่าผมมีคำตอบทั้งหมดอยู่แล้ว แต่ผมอยากให้คุณฝึกหัดจากข้อแนะนำสามประการที่ผมได้กล่าวมา จะทำให้คุณนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีขึ้นภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้ โดยการให้ความสำคัญกับภาวะผู้นำทางใจไว้ตรงกลางของทุกสิ่งเสมอ คุณจะหักเหความสนใจทั้งหมดไปที่สิ่งที่คุณสร้างผลกระทบได้อย่างทันท่วงทีในฐานะผู้บริหารและต่อทีมงานของคุณ เป็นการยืนยันได้ถึงการใส่ความตั้งใจของคุณไปในทิศทางที่ดีที่สุด

คุณไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นในสองอาทิตย์ถัดไปจากนี้ แต่สิ่งที่คุณทำได้คงเป็นแค่เรื่องถัดไปเท่านั้น และก็เรื่องถัดไป ทีละเรื่อง และที่ดีไปกว่านั้น คือคุณสามารถช่วยเหลือองค์กรของคุณให้ผ่านเรื่องนั้น ๆ ไปได้ ทำอะไรที่คุณทำได้ อดทนในเรื่องที่คุณควรจะอดทน เพราะอุปสรรคคือเส้นทางนั่นเอง

คุณสามารถเข้าไปเรียนคอร์สฟรีนี้ได้ ในหัวข้อ Leading Self in Times of Crisis, DDI ได้แบ่งปันเรื่องราวและช่วยคุณในช่วงโรคระบาดของไวรัสโคโรนานี้


Ryan Heinl เป็น Director of Product Management และ Leader of DDI’s Innovation Lab, เขาเป็นผู้สร้างสรรค์แพคเกจนวัตกรรมใหม่ ๆ เกี่ยวกับภาวะผู้นำให้กับชีวิต เขาเป็นเจ้าของกิจการ เป็นนักเขียน เป็นพ่อครัว เป็นนักออกกำลังกายCrossFitter เป็นผู้ให้ความสนใจเรื่องความรู้สึกตัว และเป็นโยคีที่เดินทางไปทั่วโลกในการค้นหาช่วงเวลาที่ดีที่สุด (และหวังอยู่ลับๆว่าเขาจะไม่พบมัน)

Topics covered in this blog